RT เดินหน้าปรับแผนกลยุทธ์ต่อเนื่องเพิ่มสัดส่วนงานต่างประเทศ 5-6% หนุน Backlog 11,400 ล้านบาท

RT เดินหน้าปรับแผนกลยุทธ์ต่อเนื่องเพิ่มสัดส่วนงานต่างประเทศ 5-6% หนุน Backlog 11,400 ล้านบาท

RT เดินหน้าปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน ติดตามปัจจัยราคาวัสดุผันผวนใกล้ชิด พร้อมพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้าง รุกงานต่างประเทศเพิ่ม 5-6% สะท้อนต้นทุนราคาก่อสร้างตามจริง ดันความสามารถการทำกำไรระดับเหมาะสม หนุน Backlog 11,400 ล้านบาท เผยผลประกอบการปี 2565 รายได้รวม 2,053 ล้านบาท

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทมุ่งเน้นการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับปัจจัยก่อสร้างที่ผันผวน พร้อมทั้งติดตามแนวโน้มราคาวัสดุอย่างใกล้ชิดโดยการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวางแผนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า ควบคู่ไปกับการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานก่อสร้างให้ดีขึ้น และเร่งส่งมอบงานเก่าที่มีต้นทุนสูง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงานก่อสร้างดังกล่าวเพียง 10%

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน ด้วยการเป็นผู้เข้าประมูลและเป็นผู้รับเหมาช่วง(Subcontract) ควบคู่การร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้ารับงาน อีกทั้งมีแผนการขยายงานโครงการก่อสร้างต่างประเทศเพิ่ม 5-6% เพื่อสร้างการรับรู้รายได้ด้วยราคาต้นทุนก่อสร้างที่สะท้อนตามจริง และเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 11,400 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2566-2569

ด้านผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 2,053 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,492 ล้านบาท และ ขาดทุนสุทธิ 312 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท สาเหตุที่รายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวลดลง มาจากงานก่อสร้างที่ชะลอตัวในช่วงปีก่อน จากโควิด-19, ราคาวัสดุ, เชื้อเพลิงการขนส่งปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะสงคราม และการจัดการแรงงานที่ขาดแคลน รวมถึงการส่งมอบงานล่าช้าจากการดำเนินงานก่อสร้างได้ไม่เต็มที่ อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะสถานการณ์ต่าง ๆจะมีแนวโน้มคลี่คลายในช่วงปี 2566 เป็นต้นไป

“นับเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทที่ต้องบริหารงานท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้นหลายระลอก แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพงานให้มีคุณภาพและเร่งส่งมอบงานเดิมให้แล้วเสร็จ อีกทั้งยังคงติดตามสถานการณ์ที่อาจเป็นปัจจัยต่อนโยบายการลงทุนโครงการก่อสร้าง อาทิ วิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก, การขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น คาดว่าในปี 2566 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งต่อภาคการลงทุน อุตสาหกรรมก่อสร้าง และจะส่งผลดีต่อบริษัทในอนาคตด้วย” นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม

ข่าวเกี่ยวข้อง